ขั้นตอนที่ 1 : เข้าไปที่คอนโทรลพาเนล แล้วเลือกไปที่หัวข้อ System and Maintenance
Com-show
การแบ่งพาดิชั่น ด้วย windows 7
ขั้นตอนที่ 1 : เข้าไปที่คอนโทรลพาเนล แล้วเลือกไปที่หัวข้อ System and Maintenance
วิธีการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ต ให้เหมาะกับตัวเรา
1.ซื้อไปทำอะไร
สำรวจตัวเองครับว่าจะซื้อไปเพื่อประโยชน์อันใด เช่น ถ้าซื้อมาเล่น Internet พิมพ์งานอย่างเดียว เอาแบบ 1-4 ก็คงจะพอแล้ว
ไม่ ต้องไปซื้อแบบที่ 5 ซึ่งถือว่าผิดประเภทและเสียตังค์โดยใช่เหตุ หรือชอบพกติดตัว ท่องเทียว เล่นตามร้านกาแฟ Netbook/Ultraportable
ก็เหมาะดี หรือเอามาแทน Desktop ที่บ้าน Home User หรือ Entertainment Notebook ก็เหมาะกว่า ถ้ากังวลว่าจะตัดต่อวีดีโอบ้างล่ะ
จริงๆ ถ้าไม่ได้ทำเป็นอาชีพ Notebook ระดับนี้ก็ใช้ Software ตระกูล Adobe หรือ 3Dmax ได้เหมือนกันแต่จะทำงานช้ากว่า
ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าปีหนึ่งตัดต่อวีดีโอนับครั้งได้
สำรวจตัวเองครับว่าจะซื้อไปเพื่อประโยชน์อันใด เช่น ถ้าซื้อมาเล่น Internet พิมพ์งานอย่างเดียว เอาแบบ 1-4 ก็คงจะพอแล้ว
ไม่ ต้องไปซื้อแบบที่ 5 ซึ่งถือว่าผิดประเภทและเสียตังค์โดยใช่เหตุ หรือชอบพกติดตัว ท่องเทียว เล่นตามร้านกาแฟ Netbook/Ultraportable
ก็เหมาะดี หรือเอามาแทน Desktop ที่บ้าน Home User หรือ Entertainment Notebook ก็เหมาะกว่า ถ้ากังวลว่าจะตัดต่อวีดีโอบ้างล่ะ
จริงๆ ถ้าไม่ได้ทำเป็นอาชีพ Notebook ระดับนี้ก็ใช้ Software ตระกูล Adobe หรือ 3Dmax ได้เหมือนกันแต่จะทำงานช้ากว่า
ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าปีหนึ่งตัดต่อวีดีโอนับครั้งได้
คุณรู้หรือไหม!! ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไร
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) บางครั้งเราเรียกสั้นๆ ว่า ไวรัส เป็นชื่อเรียกโปรแกรมชนิดหนึ่ง ที่มีพฤติกรรมละม้ายคล้ายคลึงกับไวรัสที่เป็นเชื้อโรคจริงๆ ซึ่งมีความสามารถในการสำเนาตัวเอง เพื่อเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งยังสามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ โดยที่เจ้าของไม่ยินยอมได้อีกด้วย การแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ อาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฮนดี้ไดรฟ์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
7 วิธีใช้คอมพิวเตอร์ แบบทำร้ายตัวเอง
สำหรับ คนที่อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องแผลงๆ มาทดลอง com-saya ก็มีวิธีง่ายๆ มาสนองเจตนารมย์ วิธีเหล่านี้ง่ายมากสามารถทำได้โดยใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดานี่แหละเป็นอุปกรณ์ แล้วก็ไม่เสียเวลามากด้วย เพราะเราสามารถบั่นทอนสุขภาพของตัวเองไปพร้อมๆ กับที่นั่งทำงานได้เลย เห็นมั้ยคับว่าสะดวกแค่ไหน ค่อยๆ ทำตามกันไปทีละข้อนะคับ
วิธีที่ 1 ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอ
เพราะ ระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างดวงตาของเรากับจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่ 20-24นิ้ว ดังนั้นถ้าเรายื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้กว่านั้น ดวงตาเราก็จะได้รับทั้งรังสีปริมาณมาก และได้เพ่งจอใกล้ๆ ด้วย ผลที่จะได้ระยะสั้นคือปวดหัว ปวดตา ส่วนระยะยาวคืออาจจะเป็นต้อหินและตาบอดได้ในที่สุดคับ
การใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี
ปัจจุบัน "คอมพิวเตอร์" กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่คนทำงานอย่างเราไม่ใช้ ไม่ได้แล้ว ดังนั้นควรรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องด้วย วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...
เริ่มจากแสงสว่างจากตัวคอมพิวเตอร์สามารถปรับให้เหมาะสมกับดวงตา จะปรับขนาดไหนไม่มีข้อกำหนด เพียงแต่จัดแสงให้ตาเรารู้สึกสบาย และ จะใช้สกรีนติดหน้าจอเพื่อลดความจ้าของแสงก็ได้ หรือลดแสงแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีน้อยมากจากจอ และสกรีนเหล่านี้ ก็มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
ส่วนการป้องกันไม่ให้ตาเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ ปวดหลัง หรือแสบตา ก็ควรนั่งในท่าที่เหมาะสม และห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นิ้ว สกรีน คอมพิวเตอร์ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20-26 องศา จัดเอกสารที่ต้องใช้ดูประกอบไว้ใกล้กับจอเครื่องคอมพิวเตอร์ จะได้ลดการส่ายศีรษะไปมามาก และลดการเปลี่ยนระยะการดูของตา ในระยะที่ต่างกันมาก
อย่าให้มีฝุ่นเกาะจอคอมพิวเตอร์ ควรทำความสะอาดเสมอ พักสายตา พักอิริยาบถทุก ๆ 20 นาที เพื่อป้องกันตาเมื่อย กะพริบตาบ้าง ถ้ารู้สึกแสบตา หรือใช้น้ำตาเทียมหยดเป็นครั้งคราว
จอภาพคอมพิวเตอร์ต้องโฟกัสชัดเจน ตัวหนังสือ ภาพในจอให้ปรับให้ชัดเสมอผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี และจำเป็นต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ ควรใช้แว่นอ่านหนังสือที่เหมาะสม และไม่ควรใช้แว่น 2 ชั้น หรือแว่นไม่มีชั้น เพราะจะทำให้ต้องเงยหน้าอ่านข้อความในจอตลอด ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ปวดต้นคอเพิ่มขึ้นอีก
จะใช้คอมพิวเตอร์ครั้งต่อไปก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้
CPU รุ่นต่างๆ
Atom เป็น netbook โดดเด็นที่ มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานได้นาน เหมาะสำหรับ ท่องเน็ตทุกที่ทุกเวลา ราคาเฉลี่ย 9000-20000
celeron (แรงดันไฟต่ำ สัญญาณนาฬิกา 1.2-1.3) สุดไฮโซด้วย โน้ตบุ๊คขนาดเล็ก ในราคาย่อมเยาว์ ราคาเฉลี่ย 14000-20000
celeron (แรงดันไฟมาตรฐาน)เหมาะสำหรับทำงานทั่วไป ดูหนังฟังเพลง ในราคาสุดประหยัด ราคาเฉลี่ย 14000-20000
celeron (แรงดันไฟมาตรฐาน)เหมาะสำหรับทำงานทั่วไป ดูหนังฟังเพลง ในราคาสุดประหยัด ราคาเฉลี่ย 14000-20000
15 วิธีการประหยัดพลังงานให้แบตเตอร์รี่โน้ตบุ๊ก
ครื่องโน้ตบุ๊กตัวโปรดของคุณจะกลายเป็นภาระอันใหญ่หลวงทันที ถ้าหากเราต้องมัวแต่วิ่งหาปลั้กไฟเพราะว่าแบตหมดก่อนเวลาอันควรเอาซะดื้อๆ ต่อ ไปนี้จะเป็น 15 วิธีการที่เราอยากจะแนะนำ เพื่อจะทำให้เครื่องโน้ตบุ๊กของคุณสามารถประหยัดพลังงาน และใช้งานแบตเตอร์รี่ของคุณเพิ่มเติมได้อีกหลายนาที
1. จัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์อย่างสม่ำเสมอ
ฮาร์ดดิสก์เป็นจุดที่ทำงานช้าและใช้พลังงานมากที่สุดจุดหนึ่งของเครื่องโน้ต บุ๊ก ยิ่งเราสามารถทำให้ฮาร์ดดิสก์ของเราทำงานได้ไวมากขึ้นเท่าไร ความต้องการที่จะใช้พลังงานก็จะน้อยลงเท่านั้น วิธีการหนึ่งที่ทำให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ ก็คือการ Defragment หรือจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์นั้นเอง โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้น หัวอ่านจะต้องคอยหมุนไปตามตำแหน่งต่างๆ ในดิสก์เพื่อหาไฟล์ที่เราต้องการให้เจอ การจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์จะทำให้ไฟล์เรียงกันเป็นระเบียบ และลดภาระของหัวอ่าน ทำให้ประหยัดพลังงานและยืดอายุของฮาร์ดดิสก์ออกไปด้วย สำหรับการจัดเรียงนั้นง่ายมาก เราสามารถใช้โปรแกรมของ Windows ได้เลย หรือว่าจะหาโปรแกรมอื่นๆ มาใช้งานแทนก็ได้ ซึ่งแบบหลังจะได้โปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดเรียงมากกว่า เช่น สามารถเรียงตามไฟล์ที่ใช้งานบ่อยๆ ได้ หรือว่าจัดเรียงแบบแยกตำแหน่งให้ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ก็เช่น O&O Defrag หรือ Diskeeper แต่เราต้องบอกไว้ก่อนว่ายิ่งฮาร์ดดิสก์มีข้อมูลมากเท่าไร ก็ยิ่งเสียเวลาในการทำนานมากขึ้นเท่านั้น
ฮาร์ดดิสก์เป็นจุดที่ทำงานช้าและใช้พลังงานมากที่สุดจุดหนึ่งของเครื่องโน้ต บุ๊ก ยิ่งเราสามารถทำให้ฮาร์ดดิสก์ของเราทำงานได้ไวมากขึ้นเท่าไร ความต้องการที่จะใช้พลังงานก็จะน้อยลงเท่านั้น วิธีการหนึ่งที่ทำให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ ก็คือการ Defragment หรือจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์นั้นเอง โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้น หัวอ่านจะต้องคอยหมุนไปตามตำแหน่งต่างๆ ในดิสก์เพื่อหาไฟล์ที่เราต้องการให้เจอ การจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์จะทำให้ไฟล์เรียงกันเป็นระเบียบ และลดภาระของหัวอ่าน ทำให้ประหยัดพลังงานและยืดอายุของฮาร์ดดิสก์ออกไปด้วย สำหรับการจัดเรียงนั้นง่ายมาก เราสามารถใช้โปรแกรมของ Windows ได้เลย หรือว่าจะหาโปรแกรมอื่นๆ มาใช้งานแทนก็ได้ ซึ่งแบบหลังจะได้โปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดเรียงมากกว่า เช่น สามารถเรียงตามไฟล์ที่ใช้งานบ่อยๆ ได้ หรือว่าจัดเรียงแบบแยกตำแหน่งให้ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ก็เช่น O&O Defrag หรือ Diskeeper แต่เราต้องบอกไว้ก่อนว่ายิ่งฮาร์ดดิสก์มีข้อมูลมากเท่าไร ก็ยิ่งเสียเวลาในการทำนานมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับคนใช้เครื่อง Mac การจัดเรียงข้อมูลของฮาร์ดดิสก์อาจจะไม่จำเป็นมากนักเพราะการออกแบบระบบ OS X
10 เทคโนโลยีโดดเด่นปี 2010
1. Cloud Computing.
Cloud computing คือโมเดลที่ผู้ให้บริการ IT หลากหลายรูปแบบสามารถกำหนดวิธีการบริการสู่ลูกค้า ผู้ให้บริการจะทำ Cloud Computing ให้บริการกับลูกค้า (ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการ ทำกับธุรกิจที่เป็นลูกค้า เป็น B2B) ได้มากขึ้น อ้างอิงข้อมูลจาก telecomjournal Cloud Computing เป็นการให้บริการโดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ เพื่อที่ส่งมอบการให้บริการให้กับลูกค้าได้เร็วที่สุด โดยผู้ให้บริการจะเตรียมระบบเครือข่ายของการให้บริการไว้สำหรับลูกค้าภายนอกโดยที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบของผู้ให้บริการได้โดยผ่านอุปกรณ์ไอทีและการสื่อสารต่างๆ เช่น ไอโฟน (iPhone) PSP, BlackBerry หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์ (Device) ใดๆ ก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถใช้บริการนั้นได้
Cloud-based services สามารถที่จะประยุกต์ได้หลายทางที่จะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตัว application และ Solution แต่การใช้ cloud resources ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนของ IT Solution แต่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการต่างๆและลดการใช้บริการในส่วนอื่น ในทางเดียวกัน การใช้ cloud services enterprises จะมีหน้าที่มากขึ้นเหมือนกับ cloud providers และส่งต่อ application, information หรือ business process services ไปที่ลูกค้าหรือ Business Partner ของเรา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)